แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ขาเทียม แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ขาเทียม แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

การดูแลตอขาหลังตัดขา

ด้วยสาเหตุที่หลากหลาย ทำให้คนไข้จำนวนหนึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยการตัดขาอย่างไม่มีทางเลือก ภายหลังการตัดขา โจทย์ต่อมาคือการฟื้นฟูสมรรถภาพของคนไข้ให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตและทำกิจกรรมต่างๆได้ใกล้เคียงปกติอีกครั้ง ซึ่งการฟื้นฟูสมรรถภาพนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะสำเร็จได้เพียงชั่ววัน แต่ต้องอาศัยจากหลายๆฝ่ายของทีมสหวิชาชีพ ที่ขาดไม่ได้คือความร่วมมือของผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง

กระบวนการคร่าวๆในการเริ่มเดินอีกครั้งหลังตัดขา (คนไข้แต่ละคนอาจใช้เวลาต่างกันในแต่ระกระบวนการ รวมถึงคิวการรักษาของแต่ละที่ด้วย ทั้งนี้ส่วนนี้เป็นการสรุปจากประสบการณ์การทำคลินิกของผู้เขียน) ดังนี้
                 -ช่วงพักฟื้นหลังผ่าตัด ระหว่างรอให้แผลหายดี
                 - รับประเมินความพร้อมในการหล่อแบบขาเทียมโดยแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู 1-2 เดือนภายหลังการตัดขา โดยคุณหมอจะประเมินทั้งสุขภาพโดยรวมของคนไข้ โรคประจำตัว ความแข็งแรงของร่างกาย และประเมินตอขา
                  -ประเมินความพร้อมในการเดินโดยนักกายภาพบำบัด การออกกำลังกายเพื่อฟื้นฟูความแข็งแรงของตอขา ให้พร้อมสำหรับการเดินด้วยขาเทียม ทดลองเดินโดยถุงลมฝึกเดินสำหรับคนไข้ขาขาด
                  -ในไทยยังไม่มี podiatrist ในคลินิกที่มี ทางpodiatrist มักมาร่วมทีมด้วย
                  -นักกายอุปกรณ์ หลังร่วมปรึกษากับทีมแพทย์และนักกายภาพ จะได้ผลสรุปความพร้อมของคนไข้ว่าเหมาะที่จะหล่อแบบทำขาเทียมเลยหรือไม่ คนไข้มี fuctional level ระดับไหน
                    fuctional level จะทำให้รู้ว่าคนไข้รายนี้เหมาะกับ component แบบไหน เพราะ component แพงที่สุด ไม่ได้หมายความว่าดีที่สุดกับคนไข้คนนั้น
                  -เมื่อได้รับขาเทียมแล้ว คนไข้เข้าครอสฝึกเดินกับนักกายภาพบำบัด เพราะการเดินที่ดีไม่ใช่แค่ก้าวไปข้างหน้า แต่ต้องมั่นคง มีความสมดุล ดูเป็นธรรมชาติ มีการใช้ gait aid ที่เหมาะสมหากจำเป็น คนไข้ที่ไม่ได้รับการฝึกเดินกับขาเทียม มักจะเดินไม่สวย นานๆเข้าจะติดเป็นนิสัยและแก้ยากในภายหลัง

ส่วนที่เหลือจากการถูกตัดขา ไม่ว่าจะเป็นการตัดระดับเหนือเข่า หรือ การตัดระดับใต้เข่า ถูกเรียก "ตอขา" หรือ stump

เพราะตอขาคือส่วนที่จะนำไปสวมกับ ขาเทียม ดังนั้นความสำเร็จที่คนไข้จะใช้ขาเทียมเดินได้ เดินสวย เดินไม่เจ็บ หรือไม่นั้น การดูแลตอขาให้ดีมีส่วนอย่างมาก นอกเหนือจากเรื่องการดูแลแผลผ่าตัดให้หายแล้ว ข้อควรคำนึงถึงในการดูแลตอขา คือการป้องกันข้อติด และการพันตอขาเพื่อลดบวม ซึ่งทั้งสองข้อนี้มีคำแนะนำพร้อมภาพประกอบเผยแพร่มากมาย ค้นหาได้ตาม google ดังตัวอย่าง เพราะฉะนั้นโพสนี้จะนำเสนออะไรที่เป็น options ทางเลือกก็แล้วกัน

1. การป้องกันข้อติด
      เช่นในคนไข้ที่ถูกตัดขาระดับใต้เข่า คนไข้จะถูกแนะนำให้หลีกเลี่ยงการจัดท่าตอขาในท่า งอเข่า ดังรูปเพื่อป้องกันปัญหาข้อเข่าติดงอ หากข้อเข่ามีปัญหาข้อติด (ไม่สามารถเหยียดเข่าตรงได้) จะส่งผลต่อแนวการประกอบขาเทียม รวมถึงกำลังกล้ามเนื้อในการใช้เดินด้วยขาเทียม

ขอบคุณภาพจาก http://med.swu.ac.th/rehabilitation/images/lecture_60/7.1_Rehabilitation_in_amputee_and_orthosis.pdf
    Knee Gaitor ชนิดสั้น(หรือตัวดามอื่นที่ใกล้เคียงกันก็ใช้ได้  ส่วนใหญ่มีตามร้านขายยาใหญ่ๆทั่วไป ดูจะหาซื้อได้ไม่ยากนะคะ) เป็นอีกตัวเลือกหนึงที่นำมาช่วยจัดท่า ตอขา ของคนไข้ให้อยู่ในท่าเหยียด ป้องกันปัญหาข้อติด
Knee gaitor

ตัวนี้สามารถเริ่มใช้ได้ตั้งแต่ช่วงพักฟื้นในโรงพยาบาลหลังการตัดขา ตัวอุปกรณ์ถอด/ใส่ ได้สะดวก ไม่ต้องกังวลว่าคนไข้จะเผลอวางเข่าในท่างอ การพิจารณาว่าจะใส่ต่อเนื่องนานแค่ไหนอันนี้ ทางคุณหมอ หรือ นักกายภาพ หรือ นักกายุปกรณ์ จะประเมิณตามกำลังกล้ามเนื้อของคนไข้เป็นรายๆไป

2. การพันตอขาเพื่อลดบวม 
      การพันตอขาที่ดีจะช่วยให้ตอขายุบตัวดีขึ้น คือลดบวม และช่วยให้ได้รูปตอขาที่เหมาะสมสำหรับการใส่ขาเทียม รูปตอขาที่เหมาะสมคือ รูปตอขาที่สวมเข้าไปในเบ้าขาเทียมได้ง่าย เช่น แบบ conical shape แต่ถ้าตอขาที่ใส่ในเบ้ายากก็จะเป็น  bulbous shape เช่น ส่วนล่างใหญ่กว่าส่วนบน ดังรูป
  การพันตอขาจะใช้ผ้ายืด หรือ elastic bandage พันรอบต่อขาเป็น เลข 8 ดังรูป ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมโดยทั่วไป ราคาไม่แพง และได้ผลดี (หากพันตอขาได้ถูกต้อง)
อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวไม่ได้ชื่นชอบการพันตอขาเพื่อลดบวมนัก เพราะในทางปฏิบัติจริงค่อนข้างยุ่งยากกับคนไข้ที่จะพันได้ถูกต้องและต่อเนื่อง คนไข้หลายคนพันเองไม่ได้ ต้องมีผู้ช่วยพันให้ และหากพันไม่ถูกต้อง แรงกระจายไม่สม่ำเสมอ ก็อาจได้ผลลัพธ์ตรงกันข้าม คือแทนที่จะช่วยให้ตอขายุบตัวกลับกัก fluid ไว้ที่ตอขาแทน
ขอบคุณภาพจาก https://w1.med.cmu.ac.th/rehab/images/Study_guide/16%20stump.pdf
ถุงสวมตอขา หรือ Stump Shrinker sock เป็นอีกตัวเลือกนึงที่นำมาใช้แทนผ้าพันตอขาได้ดี เป็นถุงผ้ายืด มีแรงกระจายรัดตอขาสม่ำเสมอ สวมใส่ง่าย
ตัวอย่าง stump shrinker sock สำหรับตอขาระดับใต้เข่า

ตัวอย่าง stump shrinker sock สำหรับตอขาระดับเหนือเข่า
ตัวนี้สามารถเริ่มใช้ได้ตั้งแต่ช่วงพักฟื้นในโรงพยาบาลหลังการตัดขา (หลังผ่าน wound inspection) กรณีแผลผ่าตัดยังไม่ติดดีหรือยังไม่เอาแม็กซ์ออก (Metal staples) เพื่อไม่ให้รบกสนแผลผ่าตัด จะสวมถุงโดยใช้ Doning aid ค่ะ  พบว่ายิ่งเริ่มใส่เร็วยิ่งได้ผลดีในการยุบบวม และคุมรูปตอขา เหมือนกับการพันตอขาด้วยผ้ายืด ตัว Shrinker sock นี้มักแนะนำให้ใช้ยาวเป็นปีเลย แต่ระยะเวลาการสวมใส่ต่อวันจะลดลงถ้าได้ขาเทียมมาใช้แล้ว


วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2563

Suspension ของขาเทียม, ตัวยึดขาเทียม

คิดอยู่สักพักสำหรับชื่อต้นสำหรับโพสต์ไม่ค่อยจะออก ขออธิบายก่อนว่า suspension ในที่นี่ก็คือส่วนที่ยึดขาเทียม(หรือแขนเทียม หรืออะไรก็ตาม)​ไว้กับตอขา (หรือตอแขน หรือส่วนอื่นของร่างกาย) ในที่นี่แทนที่จะเรียกว่าตัวยึดหรืออะไรทำนองนั้น ขอเรียกว่า suspension นะคะ
สำหรับขาเทียม เนี่ย ตัว suspension มีหลายแบบ ได้แก่
1) พวกที่ถูกใช้มากสุด เพราะส่วนใหญ่​ขาเทียมฟรีจากสิทธิ์​ผู้พิการในไทยจะเป็นตัวนี้ คือ สายรัด มักเป็นตีนตุ๊กแก​เย็บด้วยหนัง หรือ สายหนังแบบมีรูล็อกแบบเข็มขัด  บางทีก็เรียกว่า Mulley straps สำหรับขาเทียมระดับใต้เข่า(ดังรูป)​ หรือ Tes belt สำหรับขาเทียมเหนือเข่า แบบต่อยอดขึ้นมาจากดีไซน์นี้จะเรียกว่า Thigh corset แต่ไม่เป็นที่นิยมนัก
       

2)พวกที่ได้รับความนิยมรองลงมา สังเกตว่าเริ่มแพร่หลายมากขึ้นในไทย คือ Knee sleeve ส่วนใหญ่วัสดุที่ใช้จะเป็นซิลิโคน  จุดเด่นคือผู้ใช้มักรู้สึกสบายกระชับกว่าแบบ สายรัด จุดอ่อนคือราคาสูงกว่า (ประมาณ 7,000 บาท) และไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่มืออ่อนแรงหรือผิดรูปเพราะจะใส่ลำบากกว่าเเบบสายรัด ปกติ Knee sleeve จะมีอายุการใช้งานประมาณ 1 ปี 
3) เป็นแบบล็อกด้วยตัวเบ้า (self suspension) จากรูปจะสังเกตุว่าตัวขอบเบ้าล็อกอยู่เหนือกระดูกเข่า ทำให้ตัวขาเทียมล็อกกับตอขาคนไข้ เมื่อเดินก็ไม่เลื่อนหลุดลงถ้าทำออกมาดี ทั้งนี้ไม่เหมาะกับคนไข้ที่มีปัญหาตอขาบวมๆยุบ หรือมีรูปร่างที่ล็อกยาก 
ทั้งนี้ยังมี self suspension อีกแบบหนึ่งที่ทำได้โดยใช้อุปกรณ์ RevoFit ที่เคยกล่าวถึงในโพสก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ตอขาไหนจะเหมาะกับการใช้ Self suspension หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของนักกายอุปกรณ์เป็นรายๆไป 
4) เรียกว่า Silicone liner จากประสบการณ์ที่เคยทำขาเทียมมา ถ้าไม่ติดเรื่องราคาแล้ว suspension ประเภทนี้เป็นตัวเลือกที่ผู้ใช้ถูกใจที่สุด โดยเฉพาะชนิด pin lock liner ดังรูป ข้อดีคือใส่สบายไม่เทอะทะ ลดปัญหาเจ็บขณะเดินได้ดี เป็นมิตรต่อผิว ระคายเคืองน้อยกว่า คนไข้มักรู้สึกกระชับและมั่นใจในการเดินมากขึ้น ใส่ง่าย รวดเร็ว เหมาะกับคนไข้ที่มือทั้งสองใช้งานได้ดี จะสังเกตว่าปลาย liner มีเหล็กติดอยู่ เมื่อคนไข้สวมขาตัวเหล็กจะเข้าไปล็อกกับ Adapter ในขาเทียม 

วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

เบ้าขาเทียมแบบปรับขนาดได้ง่ายๆ



ตัวอุปกรณ์​ใหม่ที่จะแนะนำวันนี้ เรียกว่า RevoFit​ adjustable prosthsis socket




Q:มันดียังไง?
A: มันช่วยปรับขนาดของเบ้าขาเทียม คือคนไข้หลายๆคน พอถูกตัดขาแล้ว เค้ามีปัญหาว่าตอขามันบวมๆยุมๆ เช่น ตอนเช้า เดินกับขาเทียมได้สบายดี พอตกบ่ายๆขาเทียมเริ่มหลวม เพราะตอขาเล็กลง พอหลวมก็เดินไม่สบาย หรือล้มได้ง่าย ทีนี่คนไข้ก็ต้องถอดขาออกแล้วหาถุงผ้ามาสวมตอขาหนาๆ แล้วค่อยใส่ขาเทียมอีกรอบ สักพักพอเริ่มคับ ก็ต้องถอดขาออก แล้วลดถุงผ้าสวมตอขาลง นึกออกม่ะ
ซึ่งเจ้า Revofit เนี่ยมันมาแก้ปัญหาตรงนี้ ถ้าขนาดตอขาไม่พอดี คนไข้ก็แค่หมุนๆตรงตัวปรับ(BOA dial) หมุนกึ๊ก​ๆก็เสร็จ ไม่ต้องถอดขา ใส่ถุงผ้าให้วุ่นวาย

Q:เหมาะกับขาเทียมแบบไหน
A: ใช้ได้กับทั้งขาเทียมระดับเหนือเข่า และใต้เข่า ไม่เหมาะกับขาเทียมที่ใช้ suspension พวก straps หรือ knee sleeve ซึ่งส่วนใหญ่​ที่ไทย ถ้าเป็นขาเทียมฟรีจากภาครัฐจะใช้ suspension​แบบ straps
ไม่เชิงว่าใช้ไม่ได้นะ แต่ไม่ค่อยโอ
เหมาะกับsuspension แบบ pinlock liner(อันนี้โอสุดล่ะ ความเห็นส่วนตัว)​ แบบ seal-in liner ก็ใช้ได้


Q:ที่ไทยมีขายมั๊ย
A: โพสนี้บอกก่อนว่า ไม่ได้ค่าโฆษณาใดๆ แต่ถ้าให้ทีหลังก็เอานะ ตัว RevoFit​ เป็นของบริษัท clickmedical
 https://clickmedical.co/for-patients/revofit/

เท่าที่ทราบก็มีบริษัทตัวแทนอยู่ที่ไทย คิดว่านักกายอุปกรณ์​หลายๆคนในไทยน่าจะติดต่อซื้ออุปกรณ์​ได้ไม่ยากถ้ามีคนไข้​ในไทยต้องการ หรือให้ inbox มาถามได้
ในเวปของบริษัทตามลิงค์​บน ถ้าคลิกเข้าไปดู คุณจะได้เห็นภาพชัดขึ้น เช่นใน vdo ก็มีตัวอย่างคนไข้โชว์ให้ดูค่ะ

Q: ราคา?
A: อันนี้ราคาจากสิงคโปร์​ เทียบกับค่าเงินไทยแล้วตกประมาณ หมื่นกลางๆ บาท ราคานี้หมายถึงเฉพาะ ตัว Revofit นะ ไม่รวมกับ เบ้าขาเทียม

Q: กรณีอื่นๆที่เหมาะจะใช้ BOA dial นอกจากคนไข้ที่มีปัญหาการเปลี่ยนแปลงของขนาดตอขา
A: กรณีอื่นๆ เช่นในคนไข้ ที่มีตอขาแบบ bulbous shape หรือ ดีไซน์​ต่างๆของพวก partial foot prostheses ก็สามารถ​ใช้ได้เหมาะเลย ซึ่งตรงนี้มันอยู่​ที่นักกายอุปกรณ์แต่ละคน​ว่าจะออกแบบขาให้คนไข้ยังไง มันไม่ได้มีข้อจำกัดเลยว่า ต้องทำตาม pattern ตัวอย่างทุกอย่าง

สำหรับนักกายอุปกรณ์​ที่อยากลองทำRevoFit socket ดู ก็มีบทเรียนออนไลน์ให้เรียนนะจ๊ะ ในเวปของ clickmedical company นั่นแหล่ะ เรียนจบครอสแล้ว จะได้เซท  RevoFit ฟรี 1 เซท สำหรับ test socket ดังรูป
ถ้าน้องๆนักกายฯคนไหนมีข้อสงสัยอยากสอบถาม ก็ยินดีให้คนแนะนำจ๊ะ

ปล. โพสนี้พิมพ์​ในมือถือ หากถ้อยคำตกหล่นตรงไหนก็ขออภัยด้วยค่ะ ไว้จะตรวจทานในคอมพิวเตอร์​อีกที นอกจากนี้การใช้​ถ้อยคำอาจไม่ได้สละสลวย ภาษาพูดซะเยอะ👩‍💻

วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2556

ขาเทียมในเด็ก

การพิจารณาให้กายอุปกรณ์เทียมในเด็กมีหลักเกณฑ์พิจารณาที่แตกต่างกันตั่งแต่ระดับทารกแรกเกิด จนโตเป็นผู้ใหญ่  อายุการใช้งานของขาเทียมในเด็กจะมีตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับตัวอุปกรณ์ว่าสามารถปรับให้โตตามเด็กได้แค่ไหน ในเด็กมักจะนัดพบนักกายอุปกรณ์เพื่อตรวจสอบขาเทียมในทุก 4 เดือน เพราะเค้าจะโตไวมาก ไปจนเริ่มเข้าวัยผู้ใหญ่

เมื่อไหร่ถึงเหมาะสมที่เด็กจะได้รับขาเทียม?
กายอุปกรณ์เทียมสามารถพิจารณาให้เเก่เด็กได้ตั้งแต่เป็นทารก โดยมีวัตถุประสงค์ ในเรื่องของภาพลักษณ์ และการใช้งาน (functional mobility) อย่างไรก็ตามยังมีตัวเลือกให้ไม่มากนักสำหรับอุปกรณ์ที่จะใส่ให้ทารก


กายอุปกรณ์เทียมสำหรับขาเทียมระดับเหนือเข่าในเด็ก
การจะเลือกว่าจะให้เป็นขาเทียมแกนนอกหรือแกนในจะขึ้นอยู้กับความเหมาะสมกับเด็กแต่ละรายไป และความเห็นด้วยของผู้ปกครอง ในเด็กทารกเหมาะกับขาเทียมแบบแกนในที่ใช้ท่อแกนแบบพลาสติกเพราะน้ำหนักเบาและสวยงาม

ในบางกรณีผู้ปกครองเลือกที่จะให้เด็กใช้ขาเทียมแกนนอกมากกว่าแกนใน เพราะเหตุผลในเรื่องของความคงทน ที่แบบแกนในจะถูกหุ้มด้วยโฟมแต่งขา ซึ่งพังและสกปรกได้ง่าย แต่ผู้ปกครองบางคนอาจเลือกที่จะใช้แบบแกนในโดยไม่ต้องหุ้มกับโฟมแต่งขา เพราะเเบบแกนในสวยและน้ำหนักเบากว่า ซึ่งแกนในไม่หุ้มโฟมยังเหมาะสำหรับเด็กที่ยังดูแลการขับถ่ายเองไม่ได้ นอกจากนี้บางส่วนของขาเทียมแบบแกนในอันเดิมยังสามารถถอดมาใช้ในขาเทียมอันใหม่เมื่อเด็กโตขึ้นได้ หรืออาจใช้ shank แบบที่ปรับความยาวได้เมื่อเด็กโตขึ้นก็ได้ ซึ่งขาเทียมเเบบแกนนอกจะรีไซเคิลไม่ได้

ข่อเข้าของขาเทียม  มักจะเริ่มใช้ในคนไข้เด็กที่ฝึกทรงตัวได้เเล้ว หรือหากจะให้ก่อนหน้านั้นก็จะใช้แบบข้อเข้าที่ปลดล็อคได้ เพื่อให้เด็กนั่งงอเข้าได้ อย่างไรก็ตามการมีการศึกษาพบว่ายิ่งให้ข้อเข่าในขาเทียมเด็กตั่งแต่ช่วงฝึกเดินแรกๆ จะช่วยลดโอกาสการเดินผิดปกติ (gait deviation) ลงได้มาก
ตย ขาเทียมแบบมีข้อเข่า

ตย ขาเทียมใต้เข่าแบบแกนใน

ตย ขาเทียมระดับใต้เข่าแบบแกนนอก


กายอุปกรณ์เทียมสำหรับขาเทียมใต้เข่าในเด็ก
ขาเทียมที่สวมสะบายใช้งานได้ดีขึ้นอยู่กับเบ้าที่ดีเป็นสำคัญค่ะ และตัวยึดที่จะยึดเบ้าไว้กับตอขาในขาขาดรัดับใต้เข่าในเด็กมักจะใช้ supracondylar cuff suspension เป็นสายรัดเหนือหัวเข่าค่ะ อีdตัวนึงจะเป็น Sleeve suspension ตัวนี้ใส่สบายกว่าแต่ไม่เหมาะกับเด็กที่ซนมากๆ



บล็อกอธิบายขาเทียมแกนนอกแกนในต่างกันอย่างไร

http://artitayacenter.blogspot.com/2013/02/d.html

วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ขาเทียม แบบแกนในและแกนนอก

ขาเทียมหลักๆแบ่งได้สองแบบ เรียกว่า แบบแกนใน (endoskeletal or modular design) กับแบบแกนนอก (exoskeletal design) ทั้งสองแบบมีความแตกต่างกันมาก แบ่งได้ง่ายตามวัสดุที่นำมาทำส่วนที่เป็นก้านแทนขาที่หายไปค่ะ
ขาเทียมหลักๆจะประกอบด้วย
 1. socket คือส่วนที่ใช้คลุมตอขาไว้ เป็นส่วนที่จะยึดขาเทียมไว้กับตอขา
2. pylon คือส่วนที่เป็นก้านแทนขาที่หายไปเป็นตัวแบ่งระหว่างขาเทียมแกนในและแกนนอก
 3. เท้าเทียม ที่ใช้กันมากในไทยจะเป็น SACH foot ดังรูป 1.1
       SACH foot เป็นเท้าเทียมเหมาะสำหรับใช้ใส่เดินแบบไม่ผาดโผน ประมาณคนวัย 60 (ถ้าอธิบายเป็นทางการ จะอยู่ในกลุ่ม functional level 2 ถึง 3 ) แต่ถ้าเป็นคนไข้ที่มี activity เยอะๆ ก็จะมีเท้าเทียมที่รองรับการทำกิจกรรมต่างๆให้เลือกอีกมาก ไม่ว่าจะแบบปืนขึ้นบันได หรือผ่อนแรงตอนวิ่ง
4. ข้อต่างๆ ได้แก่ ข้อเข่า ข้อสะโพก ขึ้นอยู่กับระดับการขาดของขาว่าข้อไหนหายไป
5. suspension คือสิ่งที่จะยึดขาเทียมไว้กับตอขา อาจเป็นแบบสายรัด หรือใช้ระบบ suction

ย้ำว่าทุกส่วนประกอบมีดีไซน์ให้เหลือหลากหลายมาก และเทคโนโลยีก็พัฒนาตัวเลือกใหม่ๆออกมาเรื่อยๆ
1.1 ขาเทียมแกนใน


ขาเทียมแบบแกนใน อันนี้เป็นภาพแสดงโครงสร้างภายใน หลังจากที่คนไข้ลองใส่ลองเดินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขาเทียมแกนในจะถูกหุ้มด้วยโฟม (cosmetic foam) ซึ่งจะทำให้ได้สีและรูปลักษณ์เหมือนขาจริงมาก  ส่วนที่เป็น socket ทำได้้ทั้งเป็นพลาสติกแข็งอย่างในภาพหรือจะ laminate (การขึ้นรูปด้วยเรซิ่น) ส่วนที่เป็น pylon ก็มีให้เลือกหลายชนิดค่ะ ไม่ว่าจะทำมาจาก อะลูมิเนียม ,ไททาเนียม, stainless-steel แล้วก็มาต่อกับเท้าเทียม  แบบแกนในมีข้อดีกว่าแกนนอกตรงที่ ปรับแก้ง่ายกว่า ใช้เวลาทำสั้นกว่า (พอประกอบเสร็จต้องให้คนไข้ลองใส่แล้วจัด alignment อีกครั้ง เรียกว่า adjust) มีความหลายหลายที่จะเลือกส่วนประกอบ(component)มากกว่า เช่นข้อเข่า เท้าเทียม น้ำหนักก็เบากว่าค่ะถ้าเทียบกันในระดับของขาขาดตั้งแต่เหนือเข่า การใช้งานและความสวยงาม ตอนนี้หลายรพ ในไทยเริ่มเปลี่ยนมาทำขาเทียมแบบแกนในกันมากแล้ว นับเป็นเรี่องดีให้ผู้พิการที่ใช้สิทธิ พรบ คนพิการ ในการรักษามีโอกาสได้รับอุปกรณ์ที่มีการพัฒนามากขึ้น

ขาเทียมแบบแกนนอก เป็นแบบที่ทำกันมาแต่ดั้งเดิม ยังพบว่าใช้ขาเทียมประเภทนี้กันอยู่ทั่วไปในประเทศไทย ขาเทียมแบบนี้ทำจากแกนที่เป็นไม้ แล้วเคลือบด้วยเรซิ่น  แบบนี้ไม่ได้มี component ให้เลือกนัก (ทั้งการยึดกับตอขาโดยสายรัด, ข้อเข่าแบบเดียว,เท้าแบบเดิม)

บันทึก 02 เทคโนโลยีกายอุปกรณ์

  Part I:  sco brace ( พลาสติกดามลำตัว สำหรับผู้มีกระดูกสันหลังคดงอ )  ✍️เก็บแบบโดยใช้วิธีวัดขนาด+ภาพถ่าย+ xray ไม่ได้ใช้ 3D scanner  💻Brac...